Sunday, April 22, 2012

หลวงตาพระมหาบัว ณาณสัมปันโน จาก "หนังสือ เข้าสู่แดนนิพพาน"


  • เมื่อปัญญามีกำลังพอที่จะพิจารณานี้ได้แล้ว ก็ย้อนเข้าไปดูจุดนี้ คือจุดแห่งความผ่องใส จุดแห่งความองอาจ จุดแห่งความสุขอันละเอียดของอวิชชาที่อาศัยอยู่นี้ จะต้องทลายตัวลงไปด้วยอำนาจของปัญญาที่ละเอียด เมื่อธรรมชาตินี้ได้สลายตัวลงไปด้วยอำนาจของปัญญาแล้วน้้น คำว่าเราก็ดี ส่ิงที่เราเคยสงวนก็ดี ส่ิงที่เราเคยรักเคยชอบก็ดี ส่ิงที่องอาจกล้าหาญอันเป็นจุดเดียวกันน้ันก็ดี จะหมดปัญหาไปทันที ไม่มีส่ิงใดเหลืออยู่ภายในน้ัน ถ้าหากจะเทียบอุปมาแล้ว จุดอันนี้เป็นเช่นเดียวกับบุคคลที่เข้าไปในห้องว่าง เมื่อเข้าไปสู่ห้องว่างแล้ว ผู้นั้นจะลืมตัวของตัวไปเสีย แต่จะไปชมว่าห้องนี้ว่างโล่งโถงเต็มที ไม่มีส่ิงใดอยู่ในห้องนี้เลย ห้องนี้ว่างอย่างเต็มที่โดยไม่ทราบว่าตัวคนเดียวน้ันแลไปทำการกีดขวางห้องอยู่ในขณะน้ัน ห้องจึงยังไม่ว่างเพราะยังเหลือคนๆหนึ่งไปทำการากีดขวางห้องน้ันอยู่ พอรู้สึกตัว อ้อ.... ห้องนี้ว่างจริง แต่ที่ห้องนี้ยังไม่ว่างเต็มที่ก็เนื่องจากเรามาอยู่ในห้องนี้คนหนึ่ง ถ้าเราถอนตัวออกไปเสียจากห้องนี้แล้ว ห้องนี้จะว่างอย่างเต็มที่ ข้อนี้อุปมาฉันใด ทุกส่ิงทุกอย่างว่างปล่อยวางกันได้หมด แต่ยังเหลือคำว่า "เรา" ซึ่งเป็นตัว "อวิชชา" อันแท้จริงอยู่กับใจ น้ันแหละ "อวิชชา" ล้วนๆ คือ "เรา" น้ันแหละกีดขวางตัวเองอยู่ในเวลาน้ัน ไม่ทราบว่า อวิชชาน้ันคืออะไร เราจึงเห็นส่ิงทั้งหลายว่าง หรือว่าเราวางส่ิงทั้งหลายได้หมดไม่มีส่ิงใดเหลือ แต่ธรรมชาติอันนั้นทำการกีดขวางตัวของเราอยู่ เราเลยไม่ว่าง พอปัญญาได้หย่ังเข้าไปสู่จุดนี้่แล้ว ธรรมชาตินี้ก็สลายตัวลงไป น้ันแลภายนอกก็ว่าง ภายในใจตัวเองก็ว่าง เช่นเดียวกับบุคคลถอนตัวออกมาจากห้อง แล้วห้องน้ันก็ว่างอย่างเต้มที่ จิตรู้ทุกส่ิงทุกอย่างรอบด้านหมดแล้่วด้วย มารู้รอบตัวเองปล่อยวางภายในตัวเองนี้ด้วย ชื่อว่าจิตนี้ว่างอย่างเต้็มที่ ไม่มีสมมุติอันใดแฝงอยู่ภายในน้ันเลย นี่ชื่อว่าจิตว่างจริง จิตปล่อยวางจริง ถ้าหากจิตยังไม่รู้ตัวเอง ยังไม่ถอดถอนตัวเองตราบใด ถึงจิตจะว่าสิ่งใดว่างหรือปล่อยวางส่ิงใดได้แล้วก็ตาม จิตก็ยังไม่ว่างในตัวเอง จิตยังไม่ปล่อยวางตัวเองอยู่น้ั่นแล เมื่อเป็นเช่นน้้น คำว่า อวิชชาก็คือ จิตผู้น้ันยังจะมีทางสืบต่อไปได้อีก เม่ื่อได้ทำลายพีชอันสำคัญ หรือตัวอวิชชาอันแท้จริงนี้ได้ด้วยปัญญาแล้ว น้ันแลชื่อว่าเป็นผู้ว่าง เป็นผู้วางอย่างเต้มภูมิ ไม่มีสมมุติอันใดเจือปน ความสงวนก็ไม่มี ความรักก็๋ไม่มี ความองอาจกล้าหาญก็ไม่มี ความที่จะขยาดหวาดกลัวเพื่ออะไรอีกก็ไม่มี เพราะส่ิงทั้งนี้เป็นสมมุติทั้งน้ัน เนื่องจากอวิชชาซึ่งเป็นรากแก้วใหญ่อันพาให้เกิดอาการเหล่านี้ขึ้นมาได้สลายลงไปแล้ว เหลือแต่ธรรมชาติล้วนๆ นี่จุดสุดท้ายแห่งการปฎิบัติธรรมะ หากเราได้ปฎิบัติอย่างเอาจริงเอาจังตามที่อธิบายมาแล้ืวน้ัน จุดนี้หรือผลสุดท้ายทีอธิบายนี้จะไม่เป็นสมมัติของใคร แต่จะเป็นสมบัติของท่านผู้ปฎิบัติตามที่กล่าวมานี้ท้ังน้ัน หลวงตาพระมหาบัว ณาณสัมปันโน จาก "หนังสือ เข้าสู่แดนนิพพาน"

No comments:

Post a Comment